เมื่อมีภาวะ “ตกขาวมีกลิ่น” | Pattaya City Hospital | โรงพยาบาลเมืองพัทยา เราพร้อมดูแลคุณ

บทความเรื่องสุขภาพ

Health Article

เมื่อมีภาวะ “ตกขาวมีกลิ่น”

Date : 5 October 2016

ข้อมูลจาก : อ.พญ.เจนจิต ฉายะจินดา และนางสาวปารีดา เปิ่นสูงเนิน หน่วยโรคติดเชื้อทางนรีเวชและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สตรีภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา Faculty of Medicine Siriraj Hospital คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ภาพจาก : pixabay.com

ภาวะตกขาวมีกลิ่นเหม็นเป็นภาวะที่พบได้บ่อย ไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงของจำนวนแบคทีเรียในช่องคลอด  อย่างไรก็ตาม การมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้เกิดภาวะนี้ได้ เนื่องจากน้ำอสุจิซึ่งมีความเป็นด่าง จะไปเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในช่องคลอดซึ่งปกติมักมีความเป็นกรดสูง โดยฝ่ายชายมักไม่มีความผิดปกติใดๆ

ภาวะตกขาวมีกลิ่นเหม็นเกิดจากสาเหตุใด
เนื่องจากความสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอดเปลี่ยนแปลงไป โดยปกติในช่องคลอดจะมีแบคทีเรียหลายกลุ่ม  กลุ่มดีคือกลุ่มแลคโตแบซิลไล  ซึ่งสร้างสภาวะกรดในช่องคลอด เพื่อควบคุม ไม่ให้แบคทีเรียกลุ่มไม่ดีคือกลุ่มที่ไม่ใช้ออกซิเจนเพิ่มจำนวนขึ้น  ภาวะใดก็ตามที่ทำให้แบคทีเรียกลุ่ม  ไม่ดีเพิ่มจำนวนขึ้น ก็จะทำให้มีภาวะตกขาวมีกลิ่นเหม็นเกิดขึ้น ได้แก่ การสวนล้างช่องคลอด รวมถึงการนอนแช่ในอ่างน้ำที่มีฟองสบู่มาก การใช้น้ำยาเฉพาะที่หรือสเปรย์ดับกลิ่นที่บริเวณอวัยวะเพศ ใช้ผงซักฟอกปริมาณมากที่เป้ากางเกงชั้นในแล้วล้างออกไม่หมด การสูบบุหรี่ เป็นต้น  นอกจากนี้ พบว่าการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย (เนื่องจากน้ำอสุจิเป็นด่าง) การมีเลือดประจำเดือน (มีอาการช่วงก่อนมีประจำเดือนและหลังหมดประจำเดือนใหม่ๆ) หรือการใส่ห่วงอนามัยชนิดมีฮอร์โมน ก็จะเพิ่มโอกาสการมีภาวะนี้ด้วย

ภาวะนี้ไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่การมีเพศสัมพันธ์ทำให้เกิดอาการได้ และสามารถพบได้ในความสัมพันธ์ระหว่างหญิงกับหญิง และการมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปาก โดยเกิดจากน้ำลายไปทำลายความเป็นกรดในช่องคลอด

อาการและอาการแสดงของภาวะตกขาวมีกลิ่นเหม็น
อาการที่เกิดขึ้นได้ มีดังนี้ ตกขาวปริมาณมากขึ้น สีนวลขุ่น มีกลิ่นเหม็น โดยเฉพาะช่วงก่อนและช่วงหลังมีประจำเดือน หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่มีอาการแสบคันในช่องคลอด

การตรวจเพื่อวินิจฉัยภาวะตกขาวมีกลิ่นเหม็น
แพทย์จะทำการตรวจภายใน และนำตกขาวไปตรวจดูภายใต้กล้องจุลทรรศน์ทั้งแบบดูทันที และนำไปย้อมสีก่อนนำมาดู นอกจากนี้แพทย์จะทำการตรวจดูภาวะกรดด่างในช่องคลอดร่วมด้วย

การรักษาภาวะตกขาวมีกลิ่นเหม็น
การรักษาทำได้ง่ายมาก โดยการให้ยารูปแบบรับประทานหรือยาทาทั้งสิ้น 7 วัน แต่โดยทั่วไปนิยมให้ยารับประทานมากกว่า เนื่องจากยามีความปลอดภัยสูงและสามารถใช้ได้ในสตรีตั้งครรภ์และสตรีที่กำลังให้นมบุตร  อย่างไรก็ตาม ท่านควรแจ้งให้แพทย์ทราบเสมอ หากท่านกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่ ข้อควรระวังสำหรับยาตัวนี้ คือ ควรงดดื่มสุราในระหว่างใช้ยา ตั้งแต่เริ่มไปจนถึงยาเม็ดสุดท้ายหมดไป 24 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย

ในกรณีที่ได้รับยาทา ควรหลีกเลี่ยงวิธีการคุมกำเนิดบางชนิด เช่น ถุงยางอนามัยที่ทำจากยางลาเท็กซ์ แผ่นคุมกำเนิดในช่องคลอด เนื่องจากอาจทำให้ประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดลดลง

การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการเกิดภาวะตกขาวมีกลิ่นเหม็น
- ควรหลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอดและการใช้น้ำยาอนามัยล้างเฉพาะที่โดยไม่จำเป็นเพราะช่องคลอดมีความสมดุลในตัวอยู่แล้ว ทำความสะอาดแค่ภายนอกใช้น้ำสะอาดอย่างเดียวและซับให้แห้งก็เพียงพอ
- ควรใช้ถุงยางอนามัยจะช่วยลดการเกิดภาวะนี้  เพื่อหลีกเลี่ยงการทำปฏิกิริยาของน้ำอสุจิในช่องคลอดเนื่องจากเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะตกขาวมีกลิ่นเหม็นได้
- ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอนามัยแผ่นบางติดต่อกันทุกวัน เพราะอาจทำให้เกิดความอับชื้นและเป็น ที่สะสมของเชื้อโรคได้
- ถ้าพบว่ามีตกขาวผิดปกติ ควรรีบไปตรวจหาสาเหตุและรับการรักษา รวมถึงรับคำแนะนำต่างๆจากแพทย์และพยาบาล

หลังการรักษาต้องมารับการตรวจซ้ำหรือไม่
หากอาการดีขึ้นภายใน 3-4 วัน ไม่จำเป็นต้องมารับการตรวจซ้ำ ภาวะนี้สามารถเกิดได้บ่อย  จากกลไกการเกิดโรคตามธรรมชาติ เช่น ช่วงก่อนและหลังการมีประจำเดือน ท่านอาจสังเกตอาการเองก่อน หากหายไปได้เองใน 2-3 วัน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมารับการรักษา
หากท่านมีอาการเกิดซ้ำซาก ท่านควรมารับคำปรึกษาจากแพทย์ ในปัจจุบัน มีการรักษาทางเลือก   หลายอย่าง เพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น แต่ยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนมากนัก เช่น การใช้ยาเม็ดที่มีแลคโตบาซิลัสใส่เข้าไปในช่องคลอด

จะต้องรักษาคู่นอนหรือไม่
ไม่จำเป็น ยกเว้นคู่นอนของท่านมีอาการปัสสาวะแสบขัดหรือปัสสาวะเป็นหนองหลังมีเพศสัมพันธ์ ภาวะนี้ทำให้มีบุตรยากหรือไม่ ในขณะนี้ ไม่มีหลักฐานดังกล่าว หากเป็นภาวะนี้ในระหว่างการตั้งครรภ์จะเกิดอะไรขึ้น
พบว่าภาวะนี้มีผลต่อการตั้งครรภ์ โดยสัมพันธ์กับการแท้งบุตร การคลอดก่อนกำหนด และทารกน้ำหนักน้อยแรกเกิด จึงควรได้รับการรักษาทันทีเมื่อได้รับการวินิจฉัย