สมุนไพรสำหรับเบาหวาน | Pattaya City Hospital | โรงพยาบาลเมืองพัทยา เราพร้อมดูแลคุณ

บทความเรื่องสุขภาพ

Health Article

สมุนไพรสำหรับเบาหวาน

Date : 26 December 2016

ข้อมูลจาก : รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ. อ้อมบุญ วัลลิสุต ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ภาพจาก : pixabay.คอม

โรคเบาหวานที่พบได้บ่อยและเป็นปัญหาที่สำคัญในประเทศไทย คือ โรคเบาหวานชนิดที่ไม่พึ่งอินซูลิน (type 2 diabetes) ซึ่งพบได้ทั่วโลกและมีแนวโน้มที่จะพบสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนาและประเทศอุตสาหกรรมใหม่ เมื่อมีการเปลี่ยนวิถีการดำรงชีวิตและการบริโภคเป็นแบบตะวันตก เนื่องมาจากโรคเบาหวานชนิดที่ไม่พึ่งอินซูลิน มีปัจจัยสำคัญคือ การมีน้ำหนักเกินและโรคอ้วน (1) องค์การอนามัยโลกรายงานว่า มีผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าตัวจากปี พ.ศ. 2523 เป็น 422 ล้านคนในปัจจุบัน ในปี พ.ศ 2555 โรคเบาหวานเป็นสาเหตุของการตายถึง 1.5 ล้านราย ภาวะแทรกซ้อนของโรคนี้ได้แก่ หัวใจวาย(heart attack) หลอดเลือดสมองแตก ตีบ ตัน (stroke) ตาบอด (diabetic retinopathy) ไตวาย (kidney failure) การตัดขา (lower limb amputation) (2)

ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถใช้กลูโคสได้อย่างมีประสิทธิภาพ มักเป็นผลจากการที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป จึงทำให้มีการแสวงหาสมุนไพรที่ช่วยทำให้ร่างกายสามารถกลับคืนสู่สภาวะสมดุล ของการใช้น้ำตาล (glucose homeostasis) มีงานวิจัยที่แสดงถึงประโยชน์ของสมุนไพรที่มีการใช้ในการแพทย์แผนไทยต่อ สภาวะเบาหวาน (3) ตัวอย่างเช่น สับปะรด (Pineapple, Ananus comosus, Bromeliaceae) (4), พริกไทยดำ (Pepper, Piper nigrum, Piperaceae) (5), บัวบก (Asiatic pennywort, Centella asiatica, Apiaceae) (6,7), ราชดัด (Brucea javanica, Simaroubaceae) (9), คำไทย (Anatto tree, Bixa orellana, Bixaceae) (9) และ ดีปลี (Indian long pepper, Piper longum, Piperaceae) (10,11) เป็นต้น

สับปะรด เมื่อใช้สารสกัดแอลกอฮอลล์จากใบสับปะรดที่มีปริมาณฟีนอลิค 60% ประกอบด้วยสาร p-coumaric acid (1.5%), 1-O-P-coumaroylglycerol (0.3%), caffeic acid (1.0%), 1-O-caffeoylglycerol (0.2%) และสารอื่นๆ ให้ทางปากกับหนูทดลองที่ทำให้มีสภาวะเบาหวานชนิด 2 เปรียบเทียบกับยาเบาหวาน metformin พบว่าสารสกัดในขนาด 0.4 กรัม/กก สามารถเพิ่มความไวต่ออินซูลินได้เท่ากัยา metformin ในขนาด 0.32 กรัม/กก

พริกไทยดำ สารสกัดแอลกอฮอลล์ของใบพริกไทยในขนาด 100, 200 และ 300 มิลลิกรัม/กก ให้ทางปากกับหนูทดลองที่ทำให้มีสภาวะเบาหวานชนิด 2 เปรียบเทียบกับยาเบาหวาน glibenclamide เป็นเวลา 21 วัน พบว่าทุกกลุ่มสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด (fasting blood sugar) อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมในวันที่ 7, 14 และ 21 ของการทดลอง

บัวบก การทดลองในหลอดทดลอง แสดงให้เห็นว่าสารสกัดบัวบกยับยั้งเอนไซม์ pancreatic lipase ได้ดีกว่า rutin แต่น้อยกว่ายา orlistat ที่ใช้ลดความอ้วน การทดลองในสัตว์ทดลองโดยใช้สารสกัดบัวบกขนาด 1 และ 2 กรัม/กก เทียบกับ orlistat 45 มก/กก สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด ไตรกลีเซอไรด์ และคอเลสเตอรอลได้ และจากการทดลองในหนูพบว่า สารสกัดแอลกอฮอล์บัวบกในขนาด 1 กรัม/กก สามารถยับยั้งสภาวะน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงได้ ยับยั้งการดูดซึมกลูโคสโดยออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ disaccharidase ในลำไส้ และเมื่อได้รับติดต่อกัน 28 วันมีผลทำให้ระดับไขมันไตรกลีเซอรไรด์ และ LDL ลดลง และเพิ่ม HDL อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ไม่มีผลต่อการหลั่งอินซูลินของตับอ่อน และไม่มีผลเสียต่อตับหรือตับอ่อน นอกจากนี้กลุ่มที่ได้รับสารสกัดบัวบกมีน้ำหนักตัวลดลง การกิน อาหารและน้ำก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ราชดัด มาเลเซียใช้เมล็ดราชดัดในผู้ป่วยเบาหวานในขนาด 5-10 เมล็ดต่อวัน พืชนี้มีสารในกลุ่ม Quassinoid สารสำคัญคือ bruceines ซึ่งในขนาด 1 และ 2 มิลลิกรัม/กก สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เทียบเท่า glibenclamide โดยอาจมีเป็นผลเนื่องมาจากเพิ่มการหลั่งอินซูลิน

คำไทย ในจาไมกา มีการใช้เมล็ดในการรักษาเบาหวาน จากการทดลองในสุนัขโดยใช้สารสกัดจากเมล็ด พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยเพิ่มการใช้กลูโคสของกล้ามเนื้อ (peripheral utilization of glucose)

ดีปลี ชาวพื้นเมืองของอินเดียใช้ผลและรากดีปลีในการรักษาเบาหวาน สารสกัดน้ำจากรากดีปลี นำไปทำให้แห้งด้วย ความเย็น (freeze dried) ในขนาด 200 มิลลิกรัม/กก สามารถลดน้ำตาลในหนูที่เป็นเบาหวานได้ 75% เทียบกับกลุ่มควบคุมภายใน 6 ชั่วโมง โดยไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลของหนูปกติ และเมื่อให้ต่อเนื่อง 30 วัน สามารถเพิ่มความสามารถในการควบคุมน้ำตาล ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดค่า HbA1C เหลือ 7.1 ในขณะที่กลุ่มควบคุมเพิ่มเป็น 11.18 นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์ลดไขมันในเลือด ได้แก่ ไตรกลีเซอไรด์ LDL และเพิ่ม HDL อย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่มีผลต่อการทำงานของตับและไต